ตำรวจแถลงจับเครือข่าย พันธ์ยศ-เสี่ยบอย คดีกักตุนหน้ากากอนามัย ทำราคาสินค้าปั่นป่วน พร้อมเร่งติดตามเพจ แหม่มโพธิ์ดำ มาสอบสวน ฐานทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โซเชียลซัด ไม่ควรเอาผิดคนแจ้งเบาะแส ควรเอาเวลาไปหาความจริงดีกว่า
วันที่ 3 เมษายน 2563 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ท. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต. ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการดำเนินคดีเครือข่ายกักตุนหน้ากากอนามัย และปั่นป่วนราคาสินค้า
โดยระบุว่า นับจากเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ จนถึง 8 เมษายน สามารถจับผู้กระทำผิดได้ 328 ราย แยกเป็นหน้าร้าน 238 ราย, ร้านค้าออนไลน์ 77 ราย และยึดได้เฉพาะของกลางอีก 13 ราย พร้อมยึดของกลางหน้ากากอนามัยได้ 2,587,578 ชิ้น เครื่องวัดอุณหภูมิ 2,764 เครื่อง, แอลกอฮอล์ล้างมือ 80,500 ลิตร และชุดเครื่องตรวจ 55,048 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 71,959,665 บาท
ด้าน พล.ต.ต. ปัญญา กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนขบวนการค้าหน้ากากอนามัย ขณะนี้ นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ถือเป็นรายใหญ่ และเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ นายบอย ศรสุวีร์ และ นายอานนท์วัฒน์ วรเมธชยางกูร ที่มีการจัดหาซื้อขายหน้ากากอนามัย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ทำให้ราคาหน้ากากอนามัยสูงเกินสมควร หรือเป็นการกักตุนหน้ากากอนามัย ทำให้ราคาสินค้าปั่นป่วน
โดย นายพันธ์ยศ มีชื่อจดทะเบียนในบริษัท ไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายพันธ์ยศ ได้นำเข้าหน้ากากอนามัยเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จากนั้นจะนำมาบรรจุใส่กล่องที่ตีพิมพ์ชื่อบริษัทของตัวเอง และวางแผนการขายด้วยการให้ผู้มีชื่อเสียง หรือคนใกล้ชิด โพสต์โฆษณาสินค้าเพื่อสร้างมูลค่า ส่วนการนำเข้าหน้ากากอนามัยพบข้อมูลว่า นายพันธ์ยศ นำเข้าหน้ากากอนามัย จำนวน 513,300 ชิ้น ขายไปจำนวน 614,800 ชิ้น ซึ่งมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 14,000,961 บาท
ส่วนกรณีของเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ที่โพสต์แฉหลักฐานว่า เสี่ยบอย มีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นนั้น พบว่า มีความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนว่า แหม่มโพธิ์ดำ คือใคร เพื่อเชิญตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่า ตนเพิ่งเห็นข่าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ว่าตำรวจกำลังเร่งสืบหาตัว เพราะแชร์คลิปการไลฟ์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ของเสี่ยบอย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยแหม่มโพธิ์ดำ ยืนยันว่า ตนไม่ได้แชร์คลิป มีแต่แคปภาพหลักฐานสิ่งที่เสี่ยบอยโพสต์ อาทิ คลิปอวดหน้ากากกองเป็นลัง ๆ หรือหลักฐานบัญชีต่าง ๆ รวมถึงการโพสต์โยงใยไปถึงคนในรัฐบาล มาแชร์ลงในความคิดเห็น เพื่อผลประโยชน์ของภาคประชาชน แต่กลับถูกบิดเบือนข้อมูล หาว่าตนได้ข้อมูลมาจากฝั่งล้มล้างรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม แหม่มโพธิ์ดำ รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก พร้อมถามหาหลักฐานว่ามีอะไรบ้างที่บอกว่าตนเป็นคนแบบนั้น เพราะตนทำเพจมาไม่เคยแตะต้องการเมืองสักครั้ง มีแค่เรื่องหน้ากาก เพราะมันเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน ส่วนเสี่ยบอยจะมีหน้ากากกี่ชิ้น มันคือหน้าที่ของตำรวจไปสืบหา ไม่ใช่หาไม่เจอ ทั้งที่คลิปทนโท่ แต่กลายเป็นว่าคนแจ้งดันผิด
พอมีลูกเพจถูก นายพันธ์ยศ โกง ตนก็นำมาลงเพจ ว่ามีสายข่าวแจ้งว่าพรรคภราดรภาพมีเอี่ยว ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบกัน ซึ่งตนเป็นคนเปิดชัด ๆ ใครก็เห็น จนตอนนี้ตำรวจตามจับได้ ไม่ให้เครดิต ตนไม่ว่าอะไร ตนช่วยสังคมไม่หวังเอาหน้า ขอให้เป็นผลดีกับประเทศชาติ เพราะหน้ากากที่ผลิตในประเทศ จะได้ถูกแจกจ่ายไปให้เจ้าหน้าที่พยาบาลกันสักที
ทั้งนี้ แหม่มโพธิ์ดำ กล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า "ประเทศไหนเขาก็ช่วยคุ้มครองพลเมืองดี คนที่หาหลักฐาน เพื่อตามจับคนร้าย แต่ประเทศไทยไอเลิฟยู จะล่อกบาลกูเสียแล้ว แถลงการณ์กันยิ่งใหญ่เหมือนกูคือผู้ก่อการร้าย นี่คือการตอบแทนความเสี่ยงกูเหรอ คือจะให้กูเป็นคนเหี้ยให้ได้ โคตรผิดหวังสัส ๆ จะมาตามหากูทำไม ไปตามหาคนที่โกงชาติ โกงแผ่นดิน อย่าเอากูไปอยู่ตรงกลางของเกมการเมืองอันสกปรกของพวกมึงเลย"
ด้านเพจเฟซบุ๊ก Drama-addict ออกโพสต์เคลื่อนไหวว่า ได้เห็นการแถลงข่าวแล้ว ซึ่งตนจะไปสอบถามเจ้าหน้าที่ให้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ชาวเน็ตมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ถ้าแหม่มโพธิ์ดำโดนจับกุมจริงนั้น คราวหลังใครจะกล้าแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เจอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ควรมาเอาผิดกับคนที่ให้เบาะแสสำคัญ แต่ควรเอาเวลาไปตรวจสอบความจริงดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลและรูปจาก : kapook, เฟสบุคแหม่มโพธิดำ
Admin : ข้าวปั้น
สนใจแพคเกจท่องเที่ยว, ตั๋วเครื่องบินทั่วโลก หรือบัตรท่องเที่ยวต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 02-2945598, 092-294 5598
หรือ คลิ๊ก https://www.itravelroom.com/
#Covid-19 #โควิด-19 #โคโรน่าไวรัส #โคโรน่า